มันเป็นเรื่องที่เล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณคงได้ศึกษาเรื่องต่างๆมากมายของภาษาอังกฤษ ทั้งเรียนรู้ไวยากรณ์ ทำทุกอย่างที่เขาบอกให้คุณทำ และบางทีคุณอาจจะกำลังอาศัยอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสารกันด้วยซ้ำ แต่แล้วยังไง? เพราะคุณอาจจะกำลังรู้สึกว่าคุณไม่สามารถพูดมันได้คล่องแคล่วอย่างที่คิด สำหรับความผิดพลาดอาจจะมาจากเสำเนียงที่แปร่งๆ และคุณอาจจะยังมีปัญหาเกี่ยวกับการพูดให้ต่อเนื่องหรือคุณก็ยังไม่สามารถเข้าใจเจ้าของภาษาพูดได้ในบางที แม้กระทั่งเวลาที่คุณพูดคุยด้วยไวยากรณ์ที่สมบูรณ์แบบตามตำราเป๊ะแต่คนอื่นก็ยังไม่เข้าใจคุณ แต่คุณต้องยอมรับมันหรอ? หลังจากที่เราได้เรียนรู้ว่าการเรียนรู้แบบที่ผู้ใหญ่เขาเรียนกัน เราคงไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มาก แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปดั่งฝันที่จะล้างสำเนียงบ้านเกิดออกจากหัวได้อย่างที่คุณคิด ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราควรลองดูสักครั้ง ใช่มั้ยหล่ะ? คิดผิดแล้ว เพราะเรายังมีวิธีที่ดีกว่า! ผมรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นอย่างดี ก็เพราะมันเป็นเรื่องราวของผมเอง และแน่นอนว่าผมก็เคยมีประสบการณ์ที่ผิดหวังมาก่อนเกี่ยวกับการเรียนภาษา ทั้งๆที่ผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษมาก่อน และเคยเป็นครูที่ต้องทำงานผ่านกับนักเรียนและสมาชิกในองค์กรนานาชาติอีกด้วย แต่ในวันนี้ผมอยากจะบอกคุณว่ามันมีวิธีที่ดีกว่า! ถ้าคุณยินดีที่จะเปิดใจและลองเปลี่ยนวิธีความคิดของคุณเกี่ยวกับการเรียนภาษา ทั้งการเรียนและการปรับนิสัยประจำวันเพียงเล็กน้อยคุณก็สามารถพัฒนาและปรับปรุงภาษาอังกฤษของคุณให้คล่องแคล่วขึ้น ในระยะเวลาอันสั้น หากคุณไม่ใช่เจ้าของภาษาตั้งแต่เกิด บทความของผมจะช่วยให้ได้รู้จักทริค3ข้อ ที่จะช่วยให้คุณได้ฝึกการออกเสียงภาษาอังกฤษอย่างประสบความสำเร็จ จังหวะและเสียง: ดนตรีจะช่วยแนะวิธีที่เจ้าของภาษาพูด เสียงที่ผ่านโปรแกรม: วิธีที่เจ้าของภาษาพูดแบบตัดคำและการรวมคำ เพลงเลียนแบบและล้อเลียน: วิธีที่คุณจะปรับปรุงสำเนียงการออกเสียงของคุณโดยการเลียนแบบให้สำเนียงล้อกันกับเจ้าของภาษา การเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพระหว่างเก่งภาษาและการออกเสียง ส่วนใหญ่ของผู้เรียนในระดับกลางและระดับสูง การฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพ ถูกต้องแม่นยำ และรวดเร็วที่สุดคือการพัฒนาความคล่องแคล่วในการออกเสียง ซึ่งความจริงก็มีหลากหลายสถาบันมากที่สอนเกี่ยวกับการแสดงออกซึ่งเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ ตัวอย่างหนึ่งของการวิจัย เมื่อเร็วๆนี้ทางมหาวิทยาลัยNorthern Arizona แสดงให้เห็นว่าในการฝึกอบรมการออกเสียงด้วยระยะเวลาเพียง 6 สัปดาห์(ซึ่งฝึกเพียง 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) ผู้เรียนนั้นมีเข้าใจและประสบการณ์ในการพูดเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจตนเองเพิ่มขึ้นมากถึง 48% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการฝึกฝน ซึ่งผลวิจัยนี้ได้ถูกประเมินโดยเจ้าของภาษาเอง นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งหลักสูตรในการศึกษาเท่านั้น แต่ถ้าคุณเริ่มมีความสนใจกับการเรียนภาษามากขึ้นแล้ว นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดีถ้าคุณจะลองทดสอบการออกเสียงของคุณเอง คุณก็เริ่มได้เลยตั้งแต่ตอนนี้ตามทริคของเรา 3ทริคที่จะช่วยการออกเสียงของคุณให้ดีเลิศ 1. การเน้นเสียง จังหวะ และ น้ำเสียง ถ้าหากว่า "เพลงคือเสียง เสียงก็คือภาษา" นั่นหมายความว่า "ภาษาก็คือเพลง" -Idahosa Ness ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรู้ในด้านการดนตรีในภาษาอังกฤษนั้นสำคัญมากสำหรับอาจารย์ นักเรียน และนักวิจัย คำถามคงก็เหลือแต่วิธีการผสมผสานสำเนียงเพื่อช่วยในการฝึกออกเสียงและจะเอามาประยุกต์ใช้อย่างไรกับการเรียนการสอน ประเด็นก็คือ ถ้าคุณสามารถเข้าใจจังหวะและการเน้นของภาษาอังกฤษ (ซึ่งแตกต่างจากภาษาอื่นๆเป็นอย่างมาก) และสามารถรวบรวมความรู้สึกจากโทนน้ำเสียง คุณก็จะสามารถเริ่มปรับแต่งรูปแบบโทนเสียงตามดนตรีให้เหมือนกับวิธีที่เจ้าของภาษาเค้าพูดกัน การตระหนักถึงเรื่องนี้จะให้คุณได้รู้วิธีการใหม่ๆในการฝึกภาษา ซึ่งสามารถแสดงออกถึงตรรกะในการเปลี่ยนเสียง(ตัดและรวบคำ) และคุณยังสามารถสร้างพื้นฐานให้ดีได้จากการเลียนสำเนียงไปพร้อมกับเสียงดนตรี (มันเป็นวิธีที่ช่วยคุณพัฒนาสำเนียงของคุณให้เหมือนเจ้าของภาษา) 2. การกร่อนเสียง (เพื่อบีบเสียงและรวมคำ) ถ้าคุณฟังวิธีที่เจ้าของภาษาพูดดีๆ คุณจะพบว่า แท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้พูดอย่างที่คุณได้เรียนมาเลย ผมขอยกตัวอย่างที่พบบ่อยๆละกัน อย่างเช่น Wanna (want to), Gonna (going to), Gotta/“Godda” (Got to), Lemme (Let me) นอกจากนี้เรายังใช้คำเหล่านี้ในการเชื่อมคำอีกด้วย เหมือนอย่างที่เจ้าของภาษาไม่ค่อยจะออกเสียงอย่างคำว่า “a lot of”พวกเขาจะพูดว่า “a-lah-duh.” หรืออย่าง, “Did you see her?” พวกเขาก็มักจะออกเสียงว่า “Dju-see-er?” หรือ “Ju-see-er” นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็กๆ ที่อาจจะทำให้คุณเริ่มหันมาสนใจและสังเกตพวกเขามากขึ้น เหตุผลหลักที่ทำให้คนไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าของภาษาพูดนั้น ไม่ใช่เพราะพวกเขาพูดเร็วเกินไปหรอก แต่เพราะพวกเขามักพูดแบบตัดคำและเชื่อมคำของพวกเขานอกจากนั้นยังลดเสียงเวลาออกเสียงตามจังหวะของดนตรี สุดท้ายแล้วพวกเขาก็พูดต่างกันกับการสอนแบบดั้งเดิม ดังนั้นพวกเราจึงเรียกว่ากร่อนเสียง ผู้คนจำนวนมากมักจะพูดในสำเนียงแบบอเมริกัน แม้ในความจริงเราไม่ควรจะพูดเช่นนี้ก็ตาม แต่คนอังกฤษก็มีสำเนียงการพูดที่แตกต่างจากคนอเมริกันมากมาย นี่คือความจริงของภาษาอังกฤษ 3. ล้อเลียนและเพลงแร็พ การประยุกต์ความคิดนี้เพื่อนำมาฝึกฝนและปฏิบัติในการออกเสียงสำเนียง แน่นอนว่าน้อยคนที่จะรู้ เพราะส่วนมากก็มุ่งเน้นไปที่ไวยากรณ์ซะมากกว่า ตอนนี้เราก็ได้รู้เกี่ยวกับการพัฒนาสำหรับการทำความเข้าใจและกำหนดจังหวะการพูดในเบื้องต้นแล้ว รวมถึงวิธีการพูดให้เหมือนกับเจ้าของภาษา ที่สั้น กระชับรวบคำ เพราะฉะนั้นคุณก็เริ่มฝึกพูดได้เลย โปรดจำไว้ว่าวิธีที่ดีที่สุดคือเริ่มจากการผ่อนคลาย ปล่อยตัวให้สนุกไปกับความคิดรอบตัว เริ่มฝึกตั้งแต่วันนี้ ผมมีความคิดมากมายมาเสนอแต่ก็มีเพียงแค่วิธีเดียวที่จะสามารถปรับมุมมองของคุณได้ก็คือเปิดใจและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นรอบตัว เทคนิคที่น่าใช้ คือเริ่มเรียนการออกเสียงกับเจ้าของภาษาตัวจริง ผมประหลาดใจมากที่พบว่าคนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีนั้นเริ่มมาจากการเรียนรู้และการได้สนทนากับเจ้าของภาษาตัวจริง (ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มคนที่ทุกคนอยากคุยด้วยมากที่สุดคือชาวอเมริกา) ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะภาษาและการออกเสียงตามเจ้าของภาษาในท้องถิ่นในชีวิตประจำวัน(จากการศึกษาของนักวิชาการหลายคน) เป็นข้อได้เปรียบอย่างมากที่จะทำให้สมองของคุณจะได้เรียนรู้ภาษาใหม่ ดังนั้นถ้าคุณสามารถพูดคุยโดยตรงกับพวกเขาได้คุณก็จะสามารถปรับปรุงและพัฒนาการออกเสียงของตัวคุณ และยังสามารถเข้าใจคำศัพท์ต่างๆที่พวกเขาพูดอีกด้วย นี่คือเหตุผลที่เราได้สร้างหลักสูตรของเรา เพราะTOPICA NATIVE คือสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่สามารถทำให้คุณได้สื่อสารกับเจ้าของภาษาตัวจริงจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร เพื่อที่จะช่วยให้คุณได้เข้าใจและสามารถพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนเจ้าของภาษา TOPICA NATIVE คือศูนย์รวมตัวของผู้ที่อยากเรียนภาษาอังกฤษ เพียงแค่1ชั่วโมงต่อวันกับเจ้าของภาษาตัวจริงในระยะเวลา 3 เดือน ภาษาถูกคิดค้นมาเพื่อสื่อสาร อย่าละเลยมัน จงค้นพบสิ่งใหม่ๆ และสนุกไปกับมัน!
Sign up here with your email
ConversionConversion EmoticonEmoticon